
สยบดราม่า “เพจบัวขาว” เปิดเผยเหตุไม่สนใจคำท้าชกนักมวยโซเชียล-ชี้ไม่มีอะไรจำต้องพิสูจน์
เพจบัวขาว บัญชาเมฆ เปิดเผยชัดๆหลังมีกระแสท้าชกไปๆมาๆในโลกออนไลน์ รับ เคยถูกท้าชก แต่ไม่สนใจ ด้วยเหตุว่าพิสูจน์ตนเองหมดแล้ว
วันที่ 8 พ.ย. 2565 หลังจากที่ มีเรื่องราวการท้าชกของคู่อริ ในช่วงที่ผ่านมาบนโลกออนไลน์ ปัจจุบัน ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้จัดการส่วนตัวของ บัวขาว บัญชาเมฆ โพสต์เฟซบุ๊กผ่านเพจ Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) เกี่ยวกับกรณีที่ บัวขาว เคยถูกท้าทายสำหรับเพื่อการขอชกผ่านหลายๆมุมมอง ได้แก่ โลกออนไลน์ ว่า
บทพิสูจน์ ช่วงหลังๆ นี้เท่าที่สังเกตในวงการมวยมีการท้าชกกันไปท้ากันมาซึ่งเป็นเรื่องเห็นได้บ่อยครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้ง
ตัวบุคคลไปท้ากันเองส่วนตัว บางครั้งค่ายนั้นท้าทายนักมวยคนนี้มาต่อยกัน พี่บัวขาว คนนึงก็อยู่ในกระแสข่าวการท้าชกกันโดยตัวนักมวยเองบ้าง โดยต้นสังกัดของนักมวยท่านนั้นบ้าง โดยโปรโมเตอร์บ้าง โดยวงการสื่อบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเป็นสีสันวงการมวยให้มีความตื่นตัวเป็นเรื่องที่น่าสนใจดี หรือท้าทายเพื่อพิสูจน์ว่าใครคือตัวจริงของจริง หลายครั้งหลายคราที่พี่บัวขาว ก็โดนว่า จากวงการคีย์บอร์ดว่า มวยกระจอก มวยล้มต้มคนดู พิสูจน์เลยดีกว่าใครคือสุดยอด ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ช่วงที่พี่บัวชกมวยมีผลงาน ช่วงแรกๆ ก่อนไปต่างประเทศคือ แชมป์อ้อมน้อย กับ แชมป์ประเทศไทย ที่สนามมวยลุมพินี ตอนนั้นอายุแกช่วง 18-19 ปีเท่านั้น แล้วก็ไปลุยเดินสายต่อยต่างประเทศ ต่อยกับนักมวยชั้นนำ กรำศึกมายาวนานกว่า 10 ปี ทั่วโลก จนทั่วโลกให้ความเชื่อถือ ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักมวยไทยที่ต่างชาติยกย่องให้เป็นตำนาน ในความคิดผมคือไม่จำเป็นอะไร ให้พี่บัวขาวมาพิสูจน์อะไร วิธีการไหน กับใคร รูปแบบไหน
จนตอนนี้หรือที่ผ่านมาระยะหนึ่งแล้วด้วยซ้ำว่า พี่บัวแกอยู่ในสถานะที่จะตัดสินใจ ต่อยหรือไม่ต่อยกับใครก็ได้ หรือถูกบังคับให้ต่อยกับคนนี้ ในรายการนี้ รูปแบบนี้ แล้ว เช่นเดียวกับ ฟรอย หรือ ปาเกียว ใครๆ ก็อยากท้าต่อยอยากพิสูจน์ แต่เขาก็ อยู่ในสถานะที่ จะต่อยหรือไม่ต่อยแบบไหนกับใครก็อยู่ที่เขา โดยที่บางคนบางกลุ่ม ยังเกิดไม่ทัน หรือพึ่งมาสนใจเรื่องมวย อาจจะขัดใจว่าไม่ได้อย่างใจเขา แต่บทพิสูจน์ที่เกิดขึ้นแล้วสำหรับตัวพี่บัวขาวเองคือ แกมีชื่อเสียงเป็นแชมป์ตั้งแต่อายุ 19 ปี จนตอนนี้มีความต่อเนื่อง จนทุกวันนี้ อายุ 40 ปี ช่วงที่มีชื่อ ตอนนี้ร่วม 21 ปีแล้ว ถ้าไปเทียบกับ ช่วงพีกๆ นักกีฬาชั้นนำของไทยส่วนมากอยู่ที่ 5-6 ปี แล้วค่อยๆหายไป ผมจึงนับถือว่าพี่บัวยังมีผลงาน สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและประเทศชาติ ทั้งกับตนเองและหน้าที่ในรูปแบบของการทำทีมชาติไทย มีผลงานให้ทุกคนได้ชมสร้างความเคลื่อนไหวให้กับวงการมวย ให้เราได้ชมกันต่อไป ถือว่าพี่บัวได้พิสูจน์ตัวเองทำหน้าที่ของตน จนถึงวันนี้ และยังคงดำเนินต่อไป รู้เรารู้เขา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
สำหรับไฟต์ถัดไป บัวขาว บัญชาเมฆ จะเจอกับเพื่อนรัก ตำนานมวยไทยอีก 1 คน อย่าง แสนชัย พี.เค.แสยชัยมวยไทยยิม วันที่ 18 มีนาคม ชกแบบไม่ใส่นวม ชกจริง ไม่ใช่ชกโชว์ พิกัด 68.5 กิโลกรัม เบื้องต้นจะจัดกันที่ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา
เปิดทาง ประวัติ ชีวิต บัวขาว บัญชาเมฆ
บัวขาว บัญชาเมฆ เป็นแค่ชื่อในวงการมวยของ ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ นักมวยเชื้อสายกูย ปัจจุบันบัวขาวอายุ 40 ปี เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พุทธศักราช 2525 เติบโตที่จังหวัดสุรินทร์ รกรากของมารดา นอกเหนือจากการที่จะเป็นนักมวยที่บรรลุเป้าหมายแล้ว บัวขาวยังมีความรู้ความสามารถอีกหลากหลายด้านเลยทีเดียว
กว่าจะเป็นนักมวยโด่งดัง นาม “บัวขาว บัญชาเมฆ”
บัวขาว เริ่มสวมนวมต่อยมวยตั้งแต่อายุ 8 ขวบที่สุรินทร์ พออายุ 15 ปี เขาเดินทางเข้ากรุงเทพมาสังกัดอยู่กับค่ายมวย ป.ประมุข ด้วยความสามารถด้านการชกมวย ทำให้บัวขาวเดินสายเก็บตำแหน่งแชมป์ในเวทีมวยมาก ความสามารถการชกที่ก้าวกระโดดจนได้ครองแชมป์เวทีมวยอ้อมน้อย อีกทั้งรุ่นเฟเธอร์เวท และรุ่นไลท์เวท ก่อนที่บัวขาว บัญชาเมฆ วัย 20 ปี จะเอาชนะนักมวยคนประเทศญี่ปุ่นในการแข่งขันมวยไทยมาราธอนโตโยต้ารุ่น 140 ปอนด์ได้สำเร็จ
บัวขาว บัญชาเมฆ เป็นนักมวยคนแรกที่ทำผลงานชนะรายการ K-1 World MAX ถึง 2 สมัย คือในปี 2004 และ 2006 แล้วหลังจากนั้นบัวขาวยังคงทำผลงานได้ดิบได้ดีเรื่อยมา
กระทั่งปี พุทธศักราช 2555 มีข่าวบัวขาว บัญชาเมฆ ล่องหนออกจากค่าย ป.ประมุข ก่อนจะแสดงตัวขึ้นชกในเวทีมวยรายการไทยไฟท์ โดยไม่กลัวว่าจะผิดกฎหมายอย่างที่ค่ายกำหนดไว้ แต่การล่องหนไปของบัวขาวในตอนนั้น เป็นสาเหตุให้เขาแตกหักกับค่าย ปประมุข เนื่องด้วยบัวขาวต้องการอิสระ รวมถึงข้อตกลงที่ไม่น่าพึงพอใจหลายข้อ
ปัจจุบันบัวขาวเปิดค่ายมวยเป็นของตนเองที่จังหวัดสุรินทร์ ในชื่อ ค่ายบัญชาเมฆ โดยมีนักมวยในสังกัดที่โด่งดังเป็นซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ และ นารูโตะ บัญชาเมฆ
บัวขาว บัญชาเมฆ ดีกรีร้อยโท
นอกเหนือจากนั้นบัวขาว บัญชาเมฆยังได้เข้ารับราชการทหาร ตำแหน่งร้อยโทที่โรงเรียนกำลังสำรอง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนอีกด้วย และยังเป็นถึงดอกเตอร์ ด้วยเหตุว่าได้รับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาเอก) สาขาวิชายุทธศาสตร์ การพัฒนาภูมิภาค (กลุ่มการศึกษาและจัดการภูมิปัญญา) นั่นเอง